หลายคนไม่รู้! ไดชาร์จ กับ ไดสตาร์ท เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร 

หลายคนไม่รู้! ไดชาร์จ กับ ไดสตาร์ท เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
หัวข้อน่าสนใจ

ในโลกของการดูแลและบำรุงรักษารถยนต์ หลายๆ คนอาจเคยได้ยินคำว่า “Dynamo” และ “Starter Motor” แต่บางคนอาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วทั้งสองสิ่งนี้มีความสำคัญต่อการทำงานของรถยนต์ในแง่ที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของฟังก์ชันการทำงานและวิธีการบำรุงรักษา ดังนั้น ในบทความนี้ songlorclub จะพามาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง ไดชาร์จ (Dynamo) และ ไดสตาร์ท (Starter Motor) พร้อมกับอธิบายถึงบทบาทของแต่ละชิ้นส่วนในระบบเครื่องยนต์ของรถยนต์

ไดสตาร์ท (Starter Motor) คืออะไร?

ไดสตาร์ท (Starter Motor)
ไดสตาร์ท (Starter Motor)

ไดสตาร์ท หรือ มอเตอร์สตาร์ท เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการเริ่มต้นการทำงานของเครื่องยนต์ รถยนต์ทุกคันจะต้องมีมอเตอร์สตาร์ทเพื่อให้เครื่องยนต์เริ่มหมุนจากสภาวะที่หยุดนิ่ง การทำงานของไดสตาร์ทจะเริ่มต้นเมื่อคุณหมุนกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ท โดยมอเตอร์สตาร์ทจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อหมุนเครื่องยนต์ให้เริ่มทำงาน

ไดสตาร์ททำงานโดยการส่งพลังงานไปหมุนเครื่องยนต์ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งในตอนนี้เครื่องยนต์ยังไม่สามารถผลิตพลังงานด้วยตัวเองได้ มันจะทำงานร่วมกับ เฟืองสตาร์ท (Starter Gear) ที่เชื่อมกับฟลายวีล (Flywheel) ของเครื่องยนต์ และเมื่อเครื่องยนต์เริ่มหมุนได้แล้ว ไดสตาร์ทจะหยุดทำงาน

ไดชาร์จ (Dynamo) คืออะไร?

ไดชาร์จ Dynamo
ไดชาร์จ Dynamo

Dynamo หรือ ไดนาโม เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ Dynamo จะทำงานเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์และจ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าภายในรถ เช่น ระบบไฟหน้า ระบบแอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ไฟฟ้าในขณะขับขี่

การทำงานของ Dynamo คือการแปลงพลังงานกลจากเครื่องยนต์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะถูกส่งไปยังแบตเตอรี่เพื่อให้แบตเตอรี่มีพลังงานสำหรับใช้งานในระหว่างการขับขี่ นอกจากนี้ยังช่วยจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ขณะเดินทาง เช่น ระบบไฟส่องสว่างและเครื่องเสียง

ความแตกต่างระหว่าง ไดชาร์จ และ ไดสตาร์ท

ความแตกต่างระหว่าง ไดชาร์จ และ ไดสตาร์ท
ความแตกต่างระหว่าง ไดชาร์จ และ ไดสตาร์ท

1. ฟังก์ชันการทำงาน

  • ไดสตาร์ท: เป็นมอเตอร์ที่ใช้ในการเริ่มต้นเครื่องยนต์ทำงาน โดยจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อหมุนเครื่องยนต์ให้เริ่มทำงาน
  • Dynamo: เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าและชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ทำงานได้ตลอดเวลา

2. แหล่งพลังงานที่ใช้

  • Starter Motor: ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในการเริ่มต้นเครื่องยนต์
  • Dynamo: ใช้พลังงานจากการหมุนของเครื่องยนต์ในการผลิตไฟฟ้า

3. การทำงานในช่วงเวลา

  • Starter Motor: ทำงานเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ในขณะสตาร์ทรถเท่านั้น หลังจากที่เครื่องยนต์เริ่มทำงานแล้ว ไดสตาร์ทจะหยุดทำงาน
  • Dynamo: ทำงานต่อเนื่องในขณะขับขี่ เพื่อชาร์จแบตเตอรี่และจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าของรถยนต์

4. ความสำคัญต่อการทำงานของรถ

  • Starter Motor: เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในช่วงเริ่มต้นการทำงานของเครื่องยนต์ เพราะหากไดสตาร์ทเสียหายจะไม่สามารถเริ่มต้นเครื่องยนต์ได้
  • Dynamo: มีบทบาทในการรักษาระดับพลังงานของแบตเตอรี่และจ่ายไฟให้กับระบบไฟฟ้าของรถยนต์ หากไดชาร์จเสียหายจะทำให้ระบบไฟฟ้าในรถไม่ทำงานหรือแบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น

5. สถานะการใช้งาน

  • Starter Motor: ใช้งานในช่วงเริ่มต้นของการขับขี่เพียงไม่กี่วินาที
  • Dynamo: ทำงานตลอดระยะเวลาในการขับขี่ เพื่อให้รถมีไฟฟ้าใช้ตลอดการเดินทาง
ถึงแม้ว่า ไดชาร์จ และ ไดสตาร์ท จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองอุปกรณ์นี้ก็มีความสำคัญต่อการทำงานของรถยนต์ไม่แพ้กัน
ถึงแม้ว่า ไดชาร์จ และ ไดสตาร์ท จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองอุปกรณ์นี้ก็มีความสำคัญต่อการทำงานของรถยนต์ไม่แพ้กัน

การดูแลรักษาไดชาร์จและไดสตาร์ท

  1. การดูแล Starter Motor: การดูแลรักษามอเตอร์สตาร์ทไม่ยากนัก แต่หากมอเตอร์สตาร์ทเสียหาย อาการที่มักพบคือเครื่องยนต์ไม่สามารถสตาร์ทได้ หรือมีเสียงดังขณะสตาร์ท ซึ่งอาจเกิดจากการสึกหรอของแบริ่งหรือเฟืองสตาร์ท ควรตรวจสอบและเปลี่ยนใหม่หากมีปัญหา
  2. การดูแล Dynamo: การดูแลต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแหล่งพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้กับแบตเตอรี่มีความเสถียร หาก Dynamo มีปัญหาจะทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถชาร์จได้หรือไม่สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรตรวจเช็กสายไฟและการเชื่อมต่อให้ดี รวมถึงการเปลี่ยนไดชาร์จเมื่อจำเป็น

ถึงแม้ว่า Dynamo และ ไดสตาร์ท จะมีหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองอุปกรณ์นี้ก็มีความสำคัญต่อการทำงานของรถยนต์ไม่แพ้กัน ไดสตาร์ทเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เครื่องยนต์เริ่มทำงาน ส่วน Dynamo ทำหน้าที่ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและชาร์จแบตเตอรี่เพื่อให้ระบบไฟฟ้าของรถยนต์ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง รู้จักและดูแลรักษาทั้งสองอย่างดี จะช่วยให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกการเดินทาง

Barif Ibrahim