สำหรับการรีวิวมอเตอร์ไซค์ของสองล้อคลับครั้งนี้ทีมงานขอนำเสนอกับ BMW M 1000 R ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ขนาดเครื่องยนต์ 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 80.0 x 49.70 มม. อัตราส่วนการอัด 13.0: 1 ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ที่มาพร้อมระบบคลัทช์แบบคลัทช์ multiplate ในอ่างน้ำมันป้องกันกระโดดคลัทช์ควบคุมกลไก กำลังสูงสุดอยู่ที่ 199 แรงม้า 13,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดอยู่ 113 นิวตันเมตร 10,500 รอบต่อนาที
BMW M 1000 R ยังมีในส่วนตัวของระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบ โช้คอัพคู่ หัวกลับ Upside-Down ขนาด 46 มม. ระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบสวิงอาร์มอลูมิเนียม 2 ด้าน โช้ค rebound damping ระบบเบรคด้านหน้าเป็นแบบ Twin Disc เบรคคาลิปเปอร์เบรก 4 ลูกสูบคงลอยขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 320 มม ABS ด้านหลังเป็นแบบ ดิสก์เบรกเดี่ยวลูกสูบเดี่ยวลอยหนาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 220 มม ABS
การออกแบบ BMW M 1000 R
เจ้า BMW M 1000 R มาพร้อมกับ ชุดโคมไฟด้านหน้าออกแบบให้แยกส่วนเป็นซ้าย-ขวา โดยไฟด้านซ้ายออกแบบให้เป็นรูปวงรี ไฟด้านขวาออกแบบให้เป็นแนวสูง ส่องสว่างได้ดีในที่มืดและระยะไกล ไฟท้ายเป็นแบบ LED รถตามหลังมาเห็นได้เด่นชัด ตรงปลายแฮนด์บาร์จะมีการสโลปต่ำลงให้พอดีกับความสูงของเบาะที่นั่งคนขับ
เพื่อให้ท่านั่งขับขี่ดูสปอร์ตเต็มรูปแบบ ถัวน้ำมันอาจจะดูมีขนาดใหญ่แต่รับรองว่าไม่เป็นอุปสรรคในการขับขี่อย่างแน่นอน ด้านซ้ายประกอบด้วยปุ่มเลือกโหมด ให้มามี 3 โหมดด้วยกัน คือ Rain,Sport,Race มีปุ่ม Off/on abs ปุ่มล็อกความเร็วให้คงที่ โหมดเสริม Ride modes pro ประกอบด้วย “Slick” and “User”,Launch Cintrol,Pit Lane Lmuter,ABS pro
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นระบบช่วยป้องกันการสูญเสียในการทรงตัวของ BMW M 1000 R รุ่นนี้ ในส่วนของแฮนด์ด้านขวาประกอบด้วยปุ่ม off/on เอาไว้สตาร์ทเครื่องยนต์และเอาไว้ดับเครื่องยนต์ ปุ่มเลือกโหมดในการขับขี่ หน้าปัดเรือนไมล์เป็นแบบผสมผสานอนาล็อกและจอแสดงผลแบบ LCD มัลติฟังก์ชั่นได้อย่างลง
ข้อมูลด้านเครื่องยนต์
สำหรับเจ้า BMW M 1000 R นั้นมาในเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน 4 วาล์วไทเทเนียมต่อลูกสูบ DOHC และ BMW ShiftCam ความจุ 999 ซีซี ส่งพละกำลังสูงสุด 154 กิโลวัตต์ (210 แรงม้า) 13,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร 11,000 รอบต่อนาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
BMW M 1000 R มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 6.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่วค่าออกเทน 95-98 รวมถึงยังมีคลัตช์แบบเปียกหลายแผ่นซ้อนกัน พร้อมระบบคลัตช์ anti-hopping และระบบเกียร์ 6 สปีด แบบ constant-mesh พร้อมเกียร์ straight cut ได้รับการติดตั้งมาเพื่อการส่งกำลังที่เหนือกว่าอีกด้วย
และยังมีระบบกันสะเทือนล้อหน้าเป็นโช้คหัวกลับ ขนาด 45 มม. พร้อมปรับตั้งค่า Dynamic Damping Control (DDC) และ Preload ในขณะระบบกันสะเทือนล้อหลังเป็นสวิงอาร์มคู่อลูมิเนียม พร้อมปรับตั้งค่า Dynamic Damping Control (DDC) โดยมีระยะยุบตัวโช้คหน้า 120 มิลลิเมตร และระยะยุบตัวโช้คหลัง 117 มิลลิเมตร ระบบเบรกของบีเอ็มดับเบิลยู M 1000 R ใหม่ มาพร้อมดิสก์เบรกคู่ที่ล้อหน้า และดิสก์เบรคเดี่ยวคาลิปเปอร์ลูกสูบเดี่ยวที่ล้อหลัง
เจ้าBMW M 1000 R และ BMW R 1250 GS Adventure สี GS Trophy ใหม่ สานต่อเอกลักษณ์ความทรงพลัง ผสานกับสมรรถนะการควบคุมยอดเยี่ยม ตอบโจทย์นักผจญภัยต้องการท่องโลกกว้างทุกรูปแบบ ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ ขนาด 1,254 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศและของเหลว เติมเต็มสมรรถนะเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam เสริมความสมดุลของเพลา ลูกเบี้ยวและจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์
โหมดขับขี่ของ BMW M 1000 R
มาดูกันที่ โหมดขับขี่ของ BMW M 1000 R คันนี้ได้มีการติดตั้งมาเป็นมาตรฐานสามแบบคือ ‘ECO’, ‘Rain’ และ ‘Road’ เพิ่มโหมดการขับขี่แบบโปร (Riding Modes Pro) คือ ‘Dynamic’, ‘Dynamic Pro’, ‘Enduro’ และ ‘Enduro Pro’ นอกจากนั้น Dynamic ESA (Electronic Suspension Adjustment) ช่วยปรับช่วงล่างด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมปรับระดับโหลดอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และให้สมรรถนะสูงสุด ระบบ Hill Start Control Pro ช่วยออกตัวในทางลาดชัน เพิ่มความปลอดภัยทุกการเข้าโค้งด้วยระบบ Dynamic Traction Control และ ABS Pro ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
Dynamic engine brake control
ในส่วนของระบบ Dynamic engine brake control หรือ MSR ใน BMW M 1000 R รุ่นนี้ช่วยให้เบรคหลังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการตัดกำลังของเครื่องยนต์เมื่อเบรคในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้รถยังบังคับและควบคุมได้ในทุกสภาวะการขับขี่
เสริมความล้ำสมัยด้วยระบบสตาร์ทแบบไร้กุญแจ (Keyless Ride) และระบบทำความร้อนที่แฮนด์ ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ Gear Shift Assistant Pro ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์ นอกจากนี้ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติยังช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาความเร็วรถให้คงที่ได้ ในขณะระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (RDC) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบแรงดันลมยางผ่านระบบเซ็นเซอร์
สำหรับผู้ที่สนใจ
สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นเจ้าของ BMW M 1000 R มาในราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 1,599,000 บาท โดยเปิดตัวพร้อมกับสีใหม่ สี Blackstorm metallic / M Motorsport และเช่นเคยหากต้องการหากต้องการอ่านรีวิวมอเตอร์ไซค์ต่อหรือเลือกอ่านหาสาระที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมสามารถคลิกมาได้ที่ลิงค์ songlorclub คลิกเลย!