CB150R Neo Sport Cafe เทคโนโลยีเดียวกับบิ๊กไบค์

CB150R The Streetster
หัวข้อน่าสนใจ

บทความในนั้นก็จะมาอยู่กับเจ้า CB150R ซึ่งเป็นรถสไตล์ Neo Sport Café ซึ่งออกมาตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อ ประมาณเดือนกันยายน 2017 จนถึงยอดเมื่อกุมภาพันธ์ 2019 ได้มียอดจำหน่ายไปแล้วกว่า 27000 คัน ซึ่งก็นับว่าได้รับการตอบรับ ดีอย่างมากในบ้านเรา ซึ่งวันนี้ทางค่ายฮอนด้านั้นก็ได้ออลนิวมาใหม่ ซึ่งก็มีการปรับโฉมใหม่ทั้งคัน

ในรอบนี้ก็มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ The Streetster ซึ่งก็ได้ ก๊อต จิรายุ มาเป็นนายแบบพรีเซ็นเตอร์ให้อีกด้วย นอกจากความแรงแล้วนั้นทั้งค่ายก็ยังเน้นความหล่อมาอีกด้วย สามารถที่จะขับขี่ได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งความสวยงาม ของโมเดลรถ ซึ่งเมื่อขี่บนท้องถนนนั้น นอกจากเราจะได้ความแรงในการใช้งานแล้วนั้น เราก็ยังจะได้โชว์ความเปลือย ความเป็นเน็กเก็ตทรงสปอร์ต ที่ดูแน่นและดูบึกบึนเป็นอย่างมาก

สิ่งที่คุณจะพบเจอกับ CB150R ตัวใหม่นี้

vintage round lights

สิ่งที่ปรับปรุงมาในตัวใหม่นี้หลักๆเลยก็คือ หลายท่านจะสังเกตเห็นได้จาก กราฟฟิค สีที่ให้มาใหม่ ลายที่คาดบนตัวถัง ไปจนถึงตัวเลข 150 ที่แฟริ่งท้าย อีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นนั่นก็คือเป็นคาลิปเปอร์ ที่มีสีแดงทั้งหน้าและหลัง ทำให้โดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงตัวปิดกระบอกโช็คด้านบน ก็จะเป็นสีแดงด้วยเช่นกัน

มาถึงสีของหม้อน้ำก็จะเป็นสีดำ ซึ่งโดยรวมแล้วก็จะเป็นรายกราฟฟิกที่จะรับกันไปทั้งคัน จึงแตกต่างกับตัวแรกๆที่จะทำสีหม้อน้ำเป็นบอนด์เงิน แต่ ณ ปัจจุบันนี้ก็จะเป็นสีดำทั้งหมดแล้ว

 

ก่อนจะมาเป็น CB150R

Before becoming CB150R

บางท่านอาจจะไม่รู้ว่า CB150R มีทีมออกแบบที่เป็นทีมเดียวกับที่ออกแบบ Honda RC 213v จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทคโนโลยีรถแข่งระดับโลกนั้นจะถูกถ่ายทอดลงมาในเจ้ารถคันนี้ ซึ่งทางค่ายนั้นตั้งความหวังเอาไว้ว่า จะให้รุ่นนี้ เป็นมาตรฐานใหม่ของรถขนาด 150 ซีซี ที่ได้นำเทคโนโลยีของบิ๊กไบค์เข้ามาใส่ในรถขนาด150 cc เป็นรุ่นแรกๆเลยก็ว่าได้

ยกตัวอย่างได้อย่างเช่น โช้คหน้า Upside down ขนาด 41 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดเดียวและแบบเดียวกับกับ ฮอนด้า x adv750 ซึ่งเป็นมหาลำคลองจากต่างประเทศ คาลิปเปอร์หน้า เป็นปั๊มแบบเรเดียมเอ้า4พอต เป็นเทคโนโลยีเดียวกับบิ๊กไบค์ขนาดใหญ่  รวมถึงจุดเด่นอย่างระบบ G-Sensor คือระบบเบรก ABS ที่จะมี G-Sensor เข้ามาช่วย

ข้อดีของตรงนี้ จะแตกต่างกับเอบีเอสแบบทั่วไปเพื่อป้องกันการหยุดรถ แบบกระทันหัน ซึ่งเบรคแบบทั่วไปนั้นจะทำให้ ท้ายรถปัดแล้วทำให้เสียจังหวะในการควบคุมรถได้ จะเซ็นเซอร์ที่ติดมานั้น จะมีหน้าที่คำนวณระนาบของรถเพื่อให้สัมพันธ์กับแรงเบรกนั่นเอง ทำให้เวลาเบรคกระทันหันนั้นล้อหลังของท่านจะไม่ยก ถือเป็นข้อดีอย่างยิ่ง เพราะทุกการขับขี่นั้น ความปลอดภัยจะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

จากนวัตกรรมของบิ๊กไบค์สู่ CB150R

Technology from Big Bike

ในส่วนของล้อและยางนั้น ให้มาในขนาดที่ใหญ่มากเลยทีเดียวสมกับความเป็นบิ๊กไบค์อย่างยิ่ง ยางน่าจะมีขนาดอยู่ที่ 110/70-17 นิ้ว อย่างหลังนั้นจัดมาใหญ่เต็มหน้าตัดเลยจะอยู่ที่ 150/60-17 นิ้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับบิ๊กไบค์ขนาดห้าร้อยซีซีทั่วไป  สำหรับเครื่องยนต์ของ CB150R นั้น ยังเป็นเครื่องยนต์ในเจเนอเรชั่นเดิมแบบเดียวกับปี 2017 ก็คือยังคงใช้เครื่องเดิมอยู่นั่นเอง

 

รายละเอียดทั่วไปของตัวรถเเละเครื่องยนต์

engine

สำหรับรุ่นนี้นั้น จะเป็นเครื่องยนต์แบบสูบเดียว สี่จังหวะ มากับเกียร์หกสปีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ของทางค่ายฮอนด้า ในส่วนของลูกสูบนั้นจะมีความพิเศษมากขึ้นด้วยการเคลือบโมลิบดีนั่ม ซึ่งจะช่วยในการลดแรงเสียดทานและการลดความร้อน

เฟรมของเจ้า CB150R ก็ได้รับการออกแบบใหม่ จุดเด่นก็คือ ตัวเฟรมออกแบบให้น้ำหนัก ของรถทั้งคันมีจุดศูนย์ถ่วงที่ใกล้เคียงกับผู้ขับขี่ และเป็นจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำช่วยให้การควบคุมรถขณะขับขี่นั้น ผู้ขับขี่สามารถที่จะคอนโทรลรถได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สวิงอาร์มนั้นก็จะเป็นเหล็กทั้งอันมากับดีไซน์ใหม่ ที่ให้น้ำหนักเบายิ่งขึ้น แถมยังแข็งแรงทนทานอีกด้วย

ส่วนตัวถังน้ำมันนั้น จะมาในรูปแบบของมัสเซินไบค์ ซึ่งจะให้ตัวรถนั้นดูเป็นมัดกล้ามดูบึกบึน ผสมผสานกับฝาถังน้ำมันแอเพนแทงแคบ หรือเป็นฝาถังน้ำมันที่จะอยู่ติดกับตัวถังเลย ซึ่งจะช่วยให้การเปิดนั้นสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับราคาค่าตัวของ CB150R นั้น รุ่น Standard อยู่ที่ 99,800 บาท รุ่น ABS อยู่ที่ 109,800 บาท. ถือว่าไม่แรงเกินไปกับเสปคมอเตอร์ไซค์ขนาดนี้ สามารถติดต่อ ซื้อได้ทุกศูนย์ฮอนด้าทั่วประเทศ แล้วถ้าหากท่านเป็นคนที่หลงใหลในมอเตอร์ไซค์ แล้วหล่ะก็สามารถติดตาม เพิ่มเติมได้ที่ songlorclub คลิกเลย