เปรียบเทียบกันชัดๆ หัวฉีด กับ คาร์บู อย่างใหนใช้งานดีกว่ากัน

สำหรับสิงนักบิดที่ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตหมกมุ่นอยู่บนท้องถนน มีหลายท่านเติบโตมาจากยุคมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องคาร์บูเรเตอร์จนวันเวลาได้เปลี่ยนผ่านมาถึงยุคที่ เครื่องแบบ หัวฉีด เริ่มแพร่หลายมากขึ้น แต่ความนิยมของรถที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ ก็ยังไม่เสื่อมคลายลงไป ไม่ว่าจะเพราะด้วยการใช้งานทั่วไป การปรับแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถนะ รวมไปถึงการแข่งขัน ล้วนแต่มีหลายเหตุผลที่มีมารองรับ

เหล่าไบค์เกอร์บางกลุ่มนั้นมองว่า ระบบคาร์บูเรเตอร์ใช้งานและดูแลง่ายกว่า เพราะมันไม่ต้องมีเรื่องของระบบไฟฟ้ามาเกี่ยวข้อง ซ่อมแซมก็ง่าย สามารถปรับแต่งเครื่องยนต์ได้อย่างไม่ซับซ้อนเหมือนเครื่องรุ่นใหม่ๆ อีกทั้งอะไหล่ทดแทนหรืออะไหล่ตกแต่งมีตัวเลือกที่เยอะและหาได้ง่ายกว่าแบบ หัวฉีด อยู่มาก ทำให้ทุกท่านยังสามารถพบเห็นมอเตอร์ไซค์คาร์บู ได้ทั้งบนท้องถนนทั่วไปจนถึงในสนามแข่ง

เครื่องยนต์แบบ คาร์บูเรเตอร์ กับ หัวฉีด แตกต่างกันอย่างไร

ย้อนไปเมื่อ 6 ถึง 8 ก่อนนั้น คนเล่นรถจะมีความนิยมใช้มอเตอร์ไซค์ที่เป็นเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์กันเป็นส่วนใหญ่ อธิบายการทำงานง่ายๆก็คือ อาศัยแรงดูดจากกระบอกสูบ สร้างสูญญากาศที่คาร์บูเพื่อดูดนำมัน และทำการส่งต่อไปยังห้องเผาไหม้ ซึ่งปริมาณน้ำมันมันสามารถออกได้ตามขนาดของนมหนู เพราะฉะนั้น ช่างสมัยก่อนจึงมักจะบอกว่าเครื่องประเภทนี้สามารถปรับเครื่องยนต์ให้แรงได้มากกว่าเครื่องยนต์ที่ทานด้วยระบบ หัวฉีด ด้วยความที่มันสามารถขยายห้องเผาไหม้ให้ใหญ่ขึ้นได้ และยังสามารถเพิ่มเบอร์ของนมหนูให้ใหญ่ขึ้นตามความต้องการของผู้ใช้งานอีกด้วย

แต่เมื่อมาดูในส่วนของรถที่ใช้เครื่องยนต์แบบ หัวฉีด แม้จะมีหลายระบบ และมีพัฒนาการที่ค่อนข้างยาวนานแต่สามารถอธิบายให้เข้าใจสั้นๆได้ว่า ว่าเครื่องยนต์ประเภทนี้ไม่ได้อาศัยหลักการของสูญญากาศเลย แต่จะใช้การทำงานด้วยระบบอิเลคทรอนิคเป็นตัวควบคุมการจ่ายของนำมันเชื้อเพลิงแทน ตรงจุดนี้มีข้อดีก็คือสามารถทำงานได้แม่นยำกว่ารถคาร์บูเรเตอร์นั่นเอง เนื่องจากในรอบเดินเบา แรงดูดของเครื่องยนต์คาร์บูนั้นจะมีน้อยซึ่งส่งผลให้ การเป็นฝอยละอองของน้ำมันนั้นผสมกับอากาศได้ไม่ดีและเผาไหม้ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ข้อดีเครื่องยนต์แบบ หัวฉีด อยู่ที่การทำงานที่ดีในทุกรอบเครื่องยนต์ การเป็นฝอยละอองของน้ำมันทำได้มีประสิทธิภาพกว่า เพราะอาศัยแรงดันจากปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงแทน

ข้อดีของเครื่องยนต์ หัวฉีด มีดังนี้

• หมดปัญหาในขณะวิ่งในพื้นที่ชันด้วยความที่รถแบบ คาร์บู จะมีปัญหาบ่อยเพราะว่ามีอาการของลูกลอย
• การเป็นฝอยละอองสามารถผสมกับอากาศทำได้ดีกว่า
• สามารถตอนสนองของเครื่องยนต์ทำได้รวดเร็วกว่า
• ลดการปล่อยมลพิษของไอเสียมากกว่า เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์
• ดูแลรักษาง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่พัฒนาให้มีความทนทานในการใช้งานมากขึ้น

ข้อดีของเครื่องยนต์ คาร์บูเรเตอร์ มีดังนี้

• เน้นความเรียบง่ายของเครื่องยนต์เป็นหลัก
• สามารถปรับจูนได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นอู่เล็กหรือใหญ่
• ไม่ต้องพึ่งพาระบบไฟฟ้าเหมือนกับพวกรถ หัวฉีด
• ระบบคาร์บูเรเตอร์มีราคาที่ถูกกว่า
• รถแบบคาร์บูนั้นมีความ ทนทาน สามารถซ่อมเองได้

สาเหตุที่ผู้คนเริ่มที่จะเลิกใช้รถ คาร์บู มาใช้เป็น หัวฉีด แทน

ด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าอย่างเครื่องยนต์ หัวฉีด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องมีประสิทธิภาพมากกว่าของเดิมที่เป็นระบบคาร์บูเรเตอร์ อยู่แล้ว ด้วยกลไกความซับซ้อนของสองระบบนี้เรียกได้ว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้ใช้งานสามารถที่จะปรับความละเอียดในจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของระบบคาร์บูเรเตอร์ด้วยมือเปล่า แต่กลับกันใน ระบบหัวฉีด นั้นจะถูกควบคุมจากระบบของคอมพิวเตอร์ ที่มีการออกแบบตั้งค่าพร้อมคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้ว ในสมัยนี้ต้องยอมรับเลยว่ามอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปกำลังจะหมดอายุไขลงไปในทุกๆวัน เริ่มเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านมาเป็นรถไฟฟ้าขึ้นเรื่อยๆ

เทคโนโลยีต่าง ๆ ของรถไฟฟ้าในเดี๋ยวนี้เรียกได้ว่าก้าวข้ามรถยนต์ไปเยอะพอสมควรแล้ว คงมีแต่ประเด็นของระยะทางที่ทำได้ต่อการชาร์จไฟแต่ละครั้ง และระยะเวลาในการชาร์จไฟที่ไม่สามารถสู้รถยนต์ที่เติมน้ำมันเชื้อเพลิงได้ อย่างไรก็ตามทั้งระบบคาร์บูเรเตอร์ และ ระบบ หัวฉีด กำลังเดินทางเข้ามาถึงจุดจบในอีกไม่นานนี้แล้ว แต่อย่างไรไม่ว่าจะมอเตอร์จะมีแบบใหนออกมาจำหน่ายก็ตามทุกสิ่งอย่างล้วนอยู่ที่ความชอบของบุคคลนั้นๆ อย่างคาร์บูที่ดูว่าล้าสมัยแต่กลับขึ้นแท่นเป็นของคลาสสิคไปแล้วอีกไม่นานก็คงถึงคิวของ หัวฉีด แล้วหละ

 

ติดตามบทความที่น่าสนใจของคนรักสองล้อรวมถึงรีวิวมอเตอร์ไซค์หลากประเภทเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ songlorclub คลิกเลย