รู้หรือไม่! สัญญาณเตือนที่บอกว่า “น้ำมันเครื่อง” ควรเปลี่ยน สังเกตได้อย่างไร?

รู้หรือไม่! สัญญาณเตือนที่บอกว่า “น้ำมันเครื่อง” ควรเปลี่ยน สังเกตได้อย่างไร?
หัวข้อน่าสนใจ

การดูแลรักษารถยนต์ให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีและยืดอายุการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ทุกคนไม่ควรละเลย หนึ่งในเรื่องที่หลายคนมักจะไม่ค่อยใส่ใจหรือหลงลืมคือน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเครื่องยนต์ การที่ของเหลวภายในรถยนต์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเสื่อมสภาพแล้ว จะส่งผลกระทบต่อระบบเครื่องยนต์อย่างร้ายแรง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเปลี่ยนของเหลวนั้นไม่ควรรอจนถึงเวลาที่เครื่องยนต์เสียหายแล้วจึงเปลี่ยน การสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าเครื่องยนต์ของคุณต้องการการเปลี่ยนของเหลวก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรเรียนรู้ เพราะหากคุณสามารถรู้จักสัญญาณเหล่านี้ได้เร็วพอ คุณจะสามารถป้องกันปัญหาที่ใหญ่กว่าและค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าจากการซ่อมแซมในอนาคตได้

สัญญาณเตือนที่บอกว่าน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยน
สัญญาณเตือนที่บอกว่าน้ำมันเครื่องควรเปลี่ยน

1. ระยะเวลาหรือระยะทางการใช้งานที่นานเกินไป

หนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่าของเหลวภายในรถยนต์ควรเปลี่ยนคือการใช้งานตามระยะเวลาหรือระยะทางที่กำหนดไว้ตามคู่มือรถยนต์ ส่วนใหญ่แล้วการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจะขึ้นอยู่กับระยะทาง เช่น 5,000 – 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงของรถ หากคุณไม่ได้เปลี่ยนของเหลวภายในรถยนต์ในช่วงเวลาที่กำหนด นั่นอาจทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพได้รวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

2. เสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติ

เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน คุณอาจได้ยินเสียงดังขึ้นกว่าปกติ นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าของเหลวภายในรถยนต์อาจเสื่อมสภาพหรือไม่เพียงพอที่จะหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ น้ำมันเครื่องมีหน้าที่ช่วยลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ หากของเหลวภายในรถยนต์หมดประสิทธิภาพหรือมีปริมาณไม่พอ จะทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์เสียดสีกันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเสียงดังผิดปกติ

3. ควันจากท่อไอเสียมีสีเข้ม

อีกหนึ่งสัญญาณที่ไม่ควรมองข้ามคือเมื่อคุณเห็นควันจากท่อไอเสียของรถมีสีเข้มกว่าปกติ โดยทั่วไปควันจากท่อไอเสียควรมีสีขาวจางๆ ซึ่งเป็นผลจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง แต่หากควันมีสีเทาเข้มหรือดำ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าน้ำมันเครื่องได้รั่วไหลเข้าไปในห้องเผาไหม้ หรือเครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ ของเหลวภายในรถยนต์ที่เสื่อมสภาพอาจส่งผลให้เกิดการเผาไหม้ที่ผิดปกติภายในเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ควันมีสีเข้ม

ไฟเตือนบนหน้าปัด
ไฟเตือนบนหน้าปัด

4. ไฟเตือนบนหน้าปัด

หากคุณพบว่าไฟเตือนของเหลวภายในรถยนต์บนหน้าปัดรถยนต์สว่างขึ้น เป็นสัญญาณตรงๆ ที่บอกว่าเครื่องยนต์ของคุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับของเหลวภายในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระดับที่ต่ำหรือเสื่อมสภาพแล้ว การตรวจสอบระดับน้ำมันในทันทีจะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ควรตรวจเช็คด้วยตัวเองโดยใช้ก้านวัด หากพบว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ควรเติมให้เพียงพอหรือเปลี่ยนทันที

5. สีของน้ำมันเครื่องเข้มขึ้น

ปกติแล้วน้ำมันใหม่จะมีสีเหลืองทองหรือสีอำพัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปและของเหลวภายในรถยนต์ผ่านการใช้งาน สีของมันจะเข้มขึ้นเนื่องจากการสะสมของสิ่งสกปรกและเศษโลหะจากเครื่องยนต์ หากคุณสังเกตเห็นว่าน้ำมันของคุณมีสีดำหรือเข้มมากเกินไป ควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะนั่นหมายความว่าเสื่อมสภาพและไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป

6. ความรู้สึกของเครื่องยนต์ที่ไม่ราบรื่น

หากคุณรู้สึกว่าเครื่องยนต์ของรถคุณทำงานได้ไม่ราบรื่นเหมือนเดิม เช่น การเร่งเครื่องแล้วรู้สึกกระตุก หรือเสียงเครื่องยนต์ดูหนืดๆ นั่นอาจเป็นผลจากน้ำมันเครื่องที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ดีพอ ของเหลวภายในรถยนต์ที่เสื่อมสภาพจะทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ และจะสร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว

7. การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น

อีกหนึ่งสัญญาณที่บอกได้ชัดเจนว่าควรเปลี่ยนคือการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น หากคุณสังเกตว่ารถยนต์ของคุณใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าปกติ นั่นอาจเป็นเพราะหากเสื่อมสภาพและไม่สามารถลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นและต้องการเชื้อเพลิงมากขึ้นในการทำงาน

การดูแลรักษาน้ำมันเครื่องอย่างเหมาะสม
การดูแลรักษาน้ำมันเครื่องอย่างเหมาะสม

การดูแลรักษาน้ำมันเครื่องอย่างเหมาะสม

การดูแลรักษาของเหลวภายในรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ทุกคนควรให้ความสำคัญ หากคุณต้องการให้รถของคุณทำงานได้ดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ควรตรวจสอบระดับน้ำมันเป็นประจำ และเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด หากพบสัญญาณเตือนที่กล่าวถึงควรรีบตรวจสอบและแก้ไขโดยทันที เพราะการเพิกเฉยต่อปัญหาเหล่านี้อาจนำไปสู่การเสียหายของเครื่องยนต์ที่รุนแรงและมีค่าใช้จ่ายสูง

น้ำมันเครื่องเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการตรวจเช็คและเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด การรู้จักสังเกตสัญญาณเตือนต่างๆ เช่น ระยะทางการใช้งาน, เสียงเครื่องยนต์ผิดปกติ, ควันจากท่อไอเสียที่มีสีเข้ม, และไฟเตือนบนหน้าปัด จะช่วยป้องกันการเสียหายของเครื่องยนต์ในระยะยาว และทำให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา

Barif Ibrahim