กับสองล้อคลับรอบนี้จะพาทุกท่านย้อนกลับไปเมื่อปี 2002 กับช็อปเปอร์ในตำนานจากค่ายปีกนก ฮอนด้า steed 400 มาที่มาพร้อมกับสูบ V แบบ 3 วาล์วต่อสูบ สะท้อนความเป็นอเมริกันชนอย่างแท้จริง ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือมอเตอร์ไซค์คลาสสิคในฝันของใครอีกหลายคนเลยทีเดียว ซึ่งทั้งการออกแบบไปจนถึงพละกำลังเครื่องยนต์จะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลย
ดีไซน์การออกแบบ steed 400
สิ่งที่ดูโดดเด่นใน steed 400 เลยก็คือการออกแบบ มีความโฉบเฉี่ยวมากๆ ในยุคนั้นมันมีความคล้ายคลึงกับรถครูเซอร์ค่ายดังจากอเมริกัน ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง ด้วยความเหมือนนี้เลยมีหลายคนที่นำเอา รถรุ่นนี้ไปทำการตกแต่งเพิ่มเติมกันอย่างกว้างขวาง จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของเครื่องยนต์ที่ในยุคนั้นเครื่องยนต์สูบ V พิกัด 400 ซีซี นั้นไม่ค่อยมีให้เห็นกันในรถญี่ปุ่นมากเท่าไหร่ ด้วยเครื่องยนต์แบบสูบวี มันจะมีเสียงการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่เลือกใช้หม้อน้ำที่มีขนาดใหญ่มากด้วยเช่นกัน
ตัวถังเเละช่วงล่างของรถรุ่นนี้
ทางแบรนด์ได้ออกแบบโครงสร้างตัวถังแบบ Double Candle ระบบช่วงล่างของ Steed 400 ด้านหน้าแบบ Telescopic ด้านหลัง Monoshock ที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะนั่ง สวิงอาร์มแบบโครงท่อสองฝั่ง ระบบเบรกหน้าดิสก์เดี่ยว ระบบเบรกหลัง Expanding Brake ขนาดยางหน้า 100/90-19 575 ขนาดยางหลัง 170/80-15 MC 775 มิติตัวรถมีความกว้าง 890 มิลลิเมตร ความยาว 2310 มิลลิเมตร ความสูงเบาะนั่งปรับได้ต่ำสุดที่ 670 มิลลิเมตร ถังน้ำมันจุได้ 11 ลิตร น้ำหนักโดยรวม 203 กิโลกรัม นั่นเอง
รายละเอียดด้านเครื่องยนต์
ทางด้านขุมพลังของเจ้า steed 400 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 398 ซีซี 2 สูบ V แบบ OHC (Overhead Cams) 4 จังหวะ 3 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบคาร์บูเรเตอร์ ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชักอยู่ที่ 64 x 62 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.3:1 ให้แรงม้าสูงสุดที่ 31 Hp ที่ 7500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 33 นิวตันเมตรที่ 6000 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 5 สปีด
สำหรับท่านที่สนใจ
ในยุคสมัยที่ ฮอนด้า Steed 400 เริ่มวางตลาดในระดับสากลในปี 1998 ประเทศไทยก็มีการนำเข้ามาขายเหมือนกันแต่มีจำนวนที่จำกัดอย่างมาก ซึ่งพอจะหารถที่มีทะเบียนแบบเล่มแท้ สภาพดีนั้นก็ยากพอสมควร แตกต่างกับรถที่ทำการจดประกอบหรือรถอินวอยซ์ซะเป็นส่วนมาก สำหรับคนที่ใจรักจริงๆก็ยังพอจะหาได้ในตลาดของรถมือสอง โดยราคาจะเริ่มต้นที่ 50,000 ถึง 150,000 บาท แล้วแต่สภาพการใช้งาน ท่านที่สนใจก็ยังพอสามารถหาเล่นได้อยู่ และเช่นเคยหากท่านผู้อ่านท่านใดต้องการอ่านสาระดีๆเกี่ยวกับชาวส้องล้อหรือติดตามการรีวิวรถเพิ่มเติมสามารถคลิกได้ที่ลิงค์ songlorclub นี้คลิกเลย!
- เช็กฤกษ์ออกรถ 2568 วันไหนดี วันมหามงคล ขับรถแคล้วคลาดปลอดภัย - December 6, 2024
- เปิดตัว Honda CL500 สีใหม่! ราคาทางการ 226,800 บาท - November 29, 2024
- เปิดตัว GPX DZ3 สีเทา Crayon Grey เน้นความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว - November 20, 2024