ในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกทริปท่องเที่ยวในระยะทางไกลนั้น ก็คงต้องยอมให้กับจักรยานยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางไกลโดยเฉพาะ นั่นก็คือรถสไตล์ touring นั่นเอง ด้วยการดีไซน์ตัวรถให้รองรับกับสรีระการขับขี่ได้อย่างสะดวกสบายสามารถขับได้นานโดยไม่ปวดเมื่อยเหมือนรถสไตล์อื่น
ถึงแม้ว่าจะไม่แรงเร้าใจเหมือนกับมอเตอร์ไซค์สไตล์สปอร์ต แต่แนว touringก็มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ตรงจุดนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของตัวไบค์เกอร์ด้วย บทความนี้เว็บไซต์สองล้อคลับ จะขอมาจัดอันดับกันกับ มอเตอร์ไซค์ touring ที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจหาจักรยานยนต์คู่ใจซักคันในแนว ทัวริ่ง มาดูกันเลยว่าจะมีรุ่นใหนแบรนด์ใดกันบ้าง
แนะนำ 5 อันดับจักรยานยนต์สไตล์ touring ที่น่าเป็นเจ้าของ
อันดับที่ 1 BMW R 1200 RS
สำหรับมอเตอร์ไซค์ touring รุ่นนี้มาจากแบรนด์ระดับโลกอย่าง BMW ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์แบบ Boxer Flat Twin 4 จังหวะ 2 สูบ มาพร้อมกับ ใช้ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้ความแรงที่ไม่ธรรมดาซึ่งพกพามาถึง 125 แรงม้าเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการเน้นย้ำในเรื่องของระบบความปลอดภัยซึ่งมีการนำเทคโนโลยีอย่าง Automatic Stability Control มาใช้งาน
เเละด้วยระบบทันสมัยเช่นนี้จึงสามารถปรับโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับการขับขี่ของแต่ละบุคคลได้แค่เพียงกดปุ่มเท่านั้น BMW R 1200 RS จัดว่าเป็นโรดสเตอร์พันธุ์แท้ มาพร้อมกับการดีไซน์รูปลักษณ์ที่ ดุดันและปราดเปรียว และยังได้ในส่วนของเทคโนโลยีล้ำสมัย ถือเป็นมอเตอร์ไซค์ touring อีกคันที่เหล่าไบค์เกอร์ห้ามพลาดหากสนใจราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 975,000 ถึง 1,260,000 บาท
อันดับที่ 2 Honda NM4
สำหรับเจ้า Honda NM4 คันนี้ต้องบอกว่ามาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูแล้วจะออกอนาคตไปเสียหน่อยแต่ก็มีเหล่าไบค์เกอร์หลายคนที่ชื่นชอบในการออกแบบเช่นนี้ รู้สึกเหมือนได้อยู่ในห้อง Cockpit ของเครื่องบิน ทางแบรนด์ได้เสริมความหวือหวาด้วยไฟ LED รอบคัน สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ถึง 25 สี มาดูในส่วนของเครื่องยนต์นั้น ได้หยิบยกมาจาก Integra S และ NC700X ด้วยเครื่องยนต์แบบ 2 สูบ ขนาด 745 ซีซี ส่งกำลังด้วยเกียร์ Dual-Clutch 6 Speed ซึ่งมากับโหมด D และ S ให้เลือกใช้
รถคันนี้ยังพร้อมการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์เองแบบ Manual แค่เพียงปลายนิ้ว จุดขายที่น่าสนใจของมอเตอร์ไซค์ touring คันนี้ก็คงอยู่ที่จมูกรถพร้อมปีกที่เหมือนกับค้างคาวซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแฟร์ริ่งส่วนบนเหมาะสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี จัดเป็นจักยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนหากสนใจราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 529,000 บาท
อันดับที่ 3 Triumph Trophy SE
เมื่อกล่าวถึงมอเตอร์ไซค์ในสไตล์ Touring ชื่อของรถจากแบรนด์ดัง Triumph เจ้า Triumph Trophy SE นั้น หลายๆคน อาจจะมองข้ามไป ด้วยเพราะความคุ้นเคยกับรถคลาสสิกจากทางแบรนด์ที่มากกว่า นี่คือจักรยานยนต์สปอร์ตทัวร์ริ่งขนาดใหญ่ จากสัญชาติอังกฤษ ที่มาพร้อมระบบการทำงานแบบอิเล็คทรอนิคทั้งคัน
ตอบโจทย์การเดินทางแบบทัวร์ริ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,215 ซีซี 3 ลูกสูบ 4 จังหวะ 12 วาล์วแบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด มาพร้อมสเปคการทำงานที่จัดเต็ม สร้างพละกำลังสูงสุดได้ 132 BHP ที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร อีกทั้งมีการออกแบบสีสันที่โดดเด่นสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดีหากสนใจราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,350,000 บาท หากเทียบกับนวัตกรรมจากแบรนด์ระดับโลกถือว่าเข้าใจได้
อันดับที่ 4 Star V Star 1300 Tourer
มอเตอร์ไซค์ Touring รุ่นนี้มาพร้อมกับเป็นแบบ 4 จังหวะ 2 สูบ V-twin ลูกสูบอะลูมินั่มฟอร์จขึ้้นรูป ซึ่งนอกจากจะน้ำหนักเบาแล้วยังให้ความทนทานอีกด้วย และในจักรยานยนต์คันนี้ไม่ได้ให้ความคลาสสิคแค่ในส่วนเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังมีการติดตั้งกระเป๋าข้างในสไตล์ Vintage เข้าไปอีกด้วย
ความจุเครื่องยนต์คันนี้อยู่ที่ 1,300 ซีซี. 1.3 ลิตร ใช้ระบบการขับเคลื่อนด้วยสายพานแทนโซ่เพื่อลดเสียงรบกวน และ ลดปัญหาจุกจิกในการดูแลรักษาไปในตัวด้วย ต้องยอมรับเลยว่าบนเกาะญี่ปุ่นไม่มีค่ายไหนจะออกแบบรถครูสเซอร์ได้สวยเท่ากับ YAMAHA ได้อีกแล้ว เหมาะกับไบค์เกอร์ที่ต้องการมอเตอร์ไซค์คู่ใตที่ใช้ระบบการทำงานที่เรียบง่ายให้ความคลาสสิคในตัว สามารถคัสตอมเพิ่มเติมได้หลากหลาย แต่น่าเสียดายที่อาจจะหาซื้อมือหนึ่งยากซักนิดนึง
อันดับที่ 5 MV Agusta Turismo Veloce 800
มอเตอร์ไซค์ Touring ที่มีการออกแบบผสมผสานความเป็นสปอร์ตเอ็นดูโร่อีก มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 3 สูบ 4 จังหวะ DOHC 12 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ขนาดเครื่องยนต์ 798 ซีซี จัดเป็นรถสัญชาติอิตาเลียนที่มีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี แมพปิ้งเครื่องยนต์ทั้งสามรูปแบบได้แก่ Tourismo, Sport และ Rain มาช่วยควบคุมเครื่องยนต์
ในส่วนของดีไซน์ทางแบรนด์ได้ใช้ไฟหน้าแบบซิงเกิ้ล พร้อมกระจกกั้นลมหน้าแบบปราดเปรียวเป็นพิเศษผสมผสานการออกแบบจากเฟรมแกร่งจากวัสดุชั้นเยี่ยมจากเหล็กชนิดพิเศษผสมผสานอลูมิเนียมได้อย่างลงตัว มีเส้นสายของความสปอร์ตอย่างครบครัน จะสังเกตได้ว่าการออกแบบในช่วงท้ายของตัวรถจะไม่เหมือนกับบิ๊กไบค์รุ่นอื่นๆ ถือว่าเป็นจุดเด่นของรถคันนี้เลยก็ว่าได้ หากสนใจราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,990 ยูโร หรือราวๆ 524,800 บาท
ติดตามรีวิวมอเตอร์ไซค์เเละสาระดีๆเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ songlorclub คลิกเลย
- Harley-Davidson Nightster 440 ราคาแสนต้นๆ ครุยเซอร์เล็ก ลูกครึ่งอินเดีย - September 10, 2024
- รีวิว สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่จากฝั่งจีน Lingchen Kloninga 500 - September 20, 2023
- มาเเล้ว! กับบิ๊กสกู๊ตเตอร์ GT ตัวแรง Honda Forza 750 เวอร์ชั่น 2024 - September 13, 2023