สวัสดีกับชาวสองล้อทุกท่าน หลังจากที่ได้ทำการรีวิวมอเตอร์ไซค์คลาสสิคมาหลายคันเเล้วนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะออกเเนวขับชิลๆ เก็บเกี่ยวบรรยากาสระหว่างการเดินทางจามสไตล์สายคลาสสิค ซึ่งในบทความนี้เราขอเอาใจขาลุยกันบ้างกับ Ducati Scrambler Classic ถึงจะขึ้นชื่อเรื่องความสมบุกสมบัน แต่ก็ได้ส่งต่อความเก๋ามาตั้งแต่ ยุค 60’s และ 70’s
ซึ่งได้เปิดตัวในไทยครั้งเเรกก็ได้การตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก ด้วยการใช้งานที่สอดคล้องกับภูมิประเทศในไทย ซึ่งหลายท่านคงจะเข้าใจถนนหนทางในบ้านเราดี ถึงแม้ว่าตัวโมเดลรถนั้นจะออกแบบมาให้ย้อนยุคก็ตามแต่บอกเลยว่าเครื่องยนต์นั้นใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งหมด
อย่าเพิ่งชอบจนกว่าจะได้ลอง
สแกมเบิ้ลของค่ายนี้นั้น ได้จัดทำออกมาตีตลาดด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น ซึ่งรุ่นนี้นั้นเปรียบได้กับเป็น Sub Brand ของดูคาติเลยก็ว่าได้ ซึ่งมาพร้อมกับสโลแกนว่า The Land of Joy แปลตรงตัวได้ว่า ดินแดนแห่งความสุข มองดูแล้วก็อาจจะขัดตากับลุคที่ดุดันอยู่บ้างแต่ก็ปฏิเสธ ไม่ได้เลยว่า มีความสุจทุกครั้งที่ได้ขับเจ้า Scrambler Classic ที่พร้อมจะไปกับคุณในทุกเส้นทาง
และก็ไม่ได้วางจำหน่ายแค่รถเท่านั้นสำหรับ ซีรีส์นี้ยังมีคอลเล็กชั่นประจำรุ่นออกมาขายมากมายไม่ว่าจะเป็น รองเท้า หมวกกันน็อค เสื้อยืด ไปจนถึง แก้วน้ำ และยังมีอีกเพียบ เรียกได้ว่าเปิดตัวมาเอาคุ้มกันเลยทีเดียว
การคอนโทรลและฟิลในการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์
มีการทดสอบกันอยู่บ่อยครังกับ Scrambler Classic นำไปลองกับถนนแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ถนนไฮเวย์ โค้งเล็กหรือใหญ่ ไปจนถึง ออฟโรด ก็จัดว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ทุกการใช้งานหากมีความคิดที่จะออกบิ๊กไบค์คันแรก บอกเลยว่าเจ้าคันนี้ไม่เลวเลย แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของตัวผู้ขับขี่ด้วย
ด้วยความที่แฮนด์บาร์ที่จะกว้างกว่ามอเตอร์ไซค์ประเภทอื่นๆไปซักนิด ทำให้เวลาขับนั้นลมจะตีเข้าหาตัวผู้ขับค่อนข้างแรง บวกกับความสูงของตัวรถทำให้ร่างกายช่วงบนนั้นปะทะกับแรงลมเต็มๆ ถ้าขับเรื่อยๆก็ไม่มีปัญหาได้รับลมเต็มๆแต่ถ้าต้องการทำความเร็วสูงนั้น ถึงกับต้องหยุดพักรถกันเลยทีเดียว เพราะคุณจะต้องเจอกับแรงลมตลอดทางทำให้ร่างกายล้าได้ แต่ไม่มีผลกับไบค์เกอร์สายลุยอย่างแน่นอน
ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว
เป็นสิ่งที่หาได้ยากอย่างมากที่รถสไตล์ Scrambler ออกแบบรถมาให้รองรับการสำหรับอุปกรณ์ดิจิตอล ด้วยสายชาร์จแบบ USB ใต้เบาะ มากับเครื่องยนต์ L-twin กับกระบอกสูบขนาด 800 ซีซี ใช้การระบายความร้อนด้วยอากาศ สมดุลของรถนั้นดีเยี่ยม ล้ำสมัยด้วยเรือนไมล์เดี่ยวแบบดิจิตอล ที่จะแสดงผลการใช้งานทั่วไป ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นรอบเครื่อง หรือ ความเร็ว มีปุ่มปรับสำหรับตั้งค่า ODO และ Trip
ระบบทั่วไปของ Scrambler Classic
เห็นชื่อค่ายนี้แล้วก็ต้องการรันตีได้เลยในเรื่องของ พละกำลังและความเร็ว อยู่แล้วในรุ่น Scrambler นั้นมากับพลัง 803 ซีซี 75 แรงม้า ทำงานที่ 8,250 รอบต่อนาที ใส่ใจความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ ด้วยระบบเบรกแบบ Single นั่นก็คือเป็นดิสก์ทั้งหน้าและหลัง และยังเสริมตัว ABS เข้าไปอีก
ขับสนุกยิ่งขึ้นด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ความเป้นคลาสสิคด้วย โชคอัพแบบกลับหัว ทางค่ายยังใส่ใจสมรรถนะในการขับขี่ด้วยการใส่ กันสะเทือนหน้าแบบ Telescopic หลังเป็นโมโนโชคมาในขนาด 41 มม.
ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับ Ducati Scrambler Classic
สิ่งแรกที่ทำให้ใครหลายคนหลงใหลใน Scrambler Classic นั่นก็คือ เสียงคำรามที่หนักแน่นและโทนต่ำจาก ท่อไอเสีย ขี่ไปที่ใหนรับรองเลยว่า คนมองเพียบจอดติดไฟแดง เด่นๆเป็นสง่าเสริมความมั่นใจได้อย่างดี ไม่น้อยหน้าคันข้างๆแน่นอน และด้วยการจราจรในเมืองที่เร่งรีบเช่นนี้เจ้า Scrambler คันงามจะพาคุณซิ่งและซอกแซกไปตามช่องต่างๆได้อย่างคล่องตัว
เพราะรูปทางรถนั้นไม่ได้ใหญ่เทอะทะจนเกินไป ยังคงความคล่องตัวไว้ได้ตามสไตล์ดูคาติ ซึ่งราคาค่าตัว ณ ตอนนี้ก็อยู่ที่ 419,900 บาท พร้อมให้ทุกท่านร่วมเป็นเจ้าของแล้ว หากท่านเป็นคนหนึ่งที่มีใจรักในรถคลาสสิคไม่ว่าจะเป็นสไตล์ใหนก็ตามสามารถเข้ามาอัปเดตกับ songlorclub ได้เสมอคลิกเลย
- Harley-Davidson Nightster 440 ราคาแสนต้นๆ ครุยเซอร์เล็ก ลูกครึ่งอินเดีย - September 10, 2024
- รีวิว สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่จากฝั่งจีน Lingchen Kloninga 500 - September 20, 2023
- มาเเล้ว! กับบิ๊กสกู๊ตเตอร์ GT ตัวแรง Honda Forza 750 เวอร์ชั่น 2024 - September 13, 2023