กลับมาพูดกันอีกครั้งหนึ่งเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์คลาสสิคที่เริ่มจะเข้ามาตีตลาดในประเทศไทยอย่างค่าย รอยัลเอนฟิลด์ ที่ผู้เขียนภูมิใจนำเสนอกับคุณผู้อ่านอีกหนึ่งรุ่น ซึ่งก็ยังจัดว่าอยูในขนาดกลางที่คนทั่วไปสามารถจับต้องได้ กับ Royal Enfield Meteor 350 ซึ่งในบทความที่แล้วนั้นได้กล่าวไปถึงตัว คลาสสิค มาแล้วแต่ด้วยความสวยงามของโมเดลรถเลยไม่พูดถึงอีกครั้งกับรถค่ายนี้ไม่ได้เสียแล้ว
ถือว่าเสียงตอบรับของรถรุ่นนี้ก็ดีเอามากๆแม้ว่าจะเป็นรถนิยมเล่นกันเฉพาะกลุ่ม อาจจะเพราะด้วยความเป็นมาของทางค่ายที่มีประวัติมายาวนานกว่า 100 ปีเลยทีเดียว เพราะได้มีการผลิตแจกจ่ายให้กับเหล่าทหารในยุคสงครามโลกได้ใช้กัน จนมาถึงยุคปัจจุบันที่ขึ้นแท่นผู้ผลิตที่จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ขนาดกลางเยอะกว่าเจ้าใหนในโลก
และก็ยังคงยึดมั่นที่จะผลิตรถตามสโลแกน Pure Motorcycle ที่ไม่ได้ถูกอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เจาะจงให้การขับขี่นั้นเป็นเรื่องของคนกับรถเพียงเท่านั้น ตัวรถเกือบทุกรุ่นนั้นจึงถูกตัดพวกเทคโนโลยีล้ำสมัยออกไปเยอะมาก ระบบนั้นจึงเป็นมอเตอร์ไซค์แบบดั้งเดิมมากที่สุด ให้ความคลาสสิคย้อนยุคอย่างมาก
ดีไซน์และการใช้งานของ Meteor 350
ในส่วนของบอดี้ของตัว Meteor 350 นั้น ถูกผลิตมาในรูปแบบครุยเซอร์ ซึ่งผู้ใช้งานนั้นอาจจะนำไปดัดแปลงหรือตกแต่งได้กว้างขวาง เป็น ชอปเปอร์ หรือ คาเฟ่ ได้ตามต้องการ แต่ในแบบ สแตนดาร์ด ผู้เขียนก็คิดว่าสวยงามมากแล้ว แม้จะเป้นรถคลาสสิคที่มีระบบที่เรียบง่าย แต่ทางค่ายก็ได้ใส่องค์ประกอบมาครบถ้วนจริงๆ
เริ่มตั้งแต่ ไฟผ่าหมาก ไฟหน้าและท้ายเป็น LED ไฟกลมด้านหน้านั้นถูกใส่รายละเอียดอย่างมากโดยเลือกใช้โคมหลักเป็นประเภทหลอดฮาโลเจน ซึ่งที่บอกว่าตัดเรื่องของอุปกรณ์สมัยใหม่ออกไปนั้นก็ไม่ทั้งหมดเสียทีเดียวยังคงให้ USB ชาร์จเจอร์มาด้วย หน้าปัดที่แสดงข้อมูลของรถนั้นจะมาในรูปแบบโมเดิร์นคลาสสิค คือมีทั้งเข็มและหน้าจอ LCD ที่จะระบุแมพอย่างชัดเจนทุกการเดินทาง
ซึ่งจะทำงานผสานกับแอพพลิเคชั่น Royal Enfield Tripper ได้เป็นอย่างดี โดยการดึงข้อมูลจาก กูเกิลแมพ มาใช้นั่นเอง และโดดเด่นเป้นอย่างมากกับถังน้ำมันทรงหยดน้ำที่เสริมความคลาสสิคให้กับมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้เป็นอย่างมาก นี่ขนาดทางค่ายได้ตัดส่วนเสริมต่างๆออกไปเยอะพอสมควรยังสามารถใช้งานได้ขนาดนี้ถ้าเกิดว่าจัดเต็มมาละก็ไม่อยากจะคิดถึงราคาเลย
ระบบทั่วไปของเครื่องยนต์
เจ้า Meteor 350 นั้นเป้นมอเตอร์ไซค์แบบ สูบเดี่ยวสองวาล์ว ระบายอากาศแบบเสื้อลม มากับปริมาตร 349 ซีซี หรือ 20 แรงม้า ในส่วนของ เครื่องยนต์ของ METEOR นั้นต้องบอกก่อนว่าจะแตกตต่างกับตัวคลาสสิคอย่างมาก เพราะเป็นบล็อกที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งจุดสังเกตสำหรับเครื่องนี้นั้นจะดูได้ ตอนสตาร์ทเครื่องขึ้นมาจะไม่รู้สึกได้ถึง อาการสะท้านเหมือนกับรุ่นอื่นๆ
เวลาทำความเร็วในรอบสูงๆจะไม่สัมผัสได้ถึงอาการสั่น ก็ด้วยที่ทาง แบรนด์รอยัลได้ใส่ในส่วนของ ใส่บาล๊านซ์ข้อเหวี่ยงมาให้อีกด้วย ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกันที่หมด 5 เกียร์ ที่จะให้ความรู้สึกขณะขับขี่แบบ Low ride หรือรอบต่ำ เสียงเดินแบบเท่ๆ และถ้าพูดถึงช่วงล่างของ Meteor 350 มีความนุ่มและยึดเกาะพื้นผิวถนนเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำงานร่วมกับโช้คหลังคู่ และยังสามารถปรับได้ถึง 6 ระดับ มั่นใจทุกครั้งเมื่อเจอเส้นทางที่เป้นหลุมเป็นบ่อ ทำให้การเดินทางไปกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจคันนี้ง่ายและลุยไปไดในทุกๆที่จามใจต้องการ
ข้อคิดก่อนตัดสินใจเลือก Meteor 350
สิ่งแรกที่ควรคำนึงก่อนเลือกซื้อเจ้า Meteor 350 คันนี้มาใช้งาน นั่นก็คือเรื่องของน้ำหนัก ถ้าผู้ขับขี่มีรูปร่างที่ค่อนข้างเล็ก อาจจะมีปัญหาเวลาล้มแล้วต้อยกรถนี่แหละ ควรเข้าอบรมคอสขอขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาก่อนก็ก็ดี ต่อมาก็คือขาตั้งซึ่งทางค่ายนั้นก็ได้ใส่ตัวเตือน เวลาลืมเตะขาตั้งมาให้ก็จริงแต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การลืม
แต่อยู่ที่สไตล์ขาตั้งแบบวินเทจจุดสัมผัสพื้นนั้นค่อนข้างเล็กอาจจะแต่งเสริมด้วยการหาตีนเป็ดมาใส่ก็ได้ ซึ่งราคาค่าตัวนั้นถ้ารัก Royal Enfield Meteor 350 จริงก็สู้ไหวเปิดตัวเริ่มต้นที่ 150,000 บาทถามว่าแพงไปใหมสำหรับผู้เขียนคิดว่า สำหรับรถคลาสสิคนั้นเปรียบซื้องานศิลปะ ถ้าเจ้าของพึงพอใจจะมีข้อกังขาใดอีก หากสนใจมอเตอร์ไซค์แบบอื่นเพิ่มเติมติดตามได้ที่ songlorclub คลิกเลย
- Harley-Davidson Nightster 440 ราคาแสนต้นๆ ครุยเซอร์เล็ก ลูกครึ่งอินเดีย - September 10, 2024
- รีวิว สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่จากฝั่งจีน Lingchen Kloninga 500 - September 20, 2023
- มาเเล้ว! กับบิ๊กสกู๊ตเตอร์ GT ตัวแรง Honda Forza 750 เวอร์ชั่น 2024 - September 13, 2023