กลับมาอยู่กับบทความรีวิวรถมอเตอร์ไซค์เช่นเคย กับบทความที่จะพาคุณไปรู้จักกับมอเตอร์ไซค์รูปแบบต่างๆ ซึ่งกับบทความนี้ก็อยู่กับ fazzio hybrid connected ตัวใหม่ล่าสุดจากทางค่าย ยามาฮ่า ซึ่งผู้เขียนก็ได้ไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเจ้ารถคันนี้ซึ่งเป็นประสบการณ์จากการทดลองขับขี่ออกทริป มาดูกันว่ามีประเด็นใหนบ้างที่ต้องรู้กับเข้า fazzio คันนี้
ประเด็นเกี่ยวกับเครื่องยนต์ fazzio hybrid connected
ผู้เข้าทดสอบขับขี่ fazzio hybrid connected โดยการขับออกทริปได้ให้ข้อมูลไว้ว่าหลังจากที่ได้ทดสอบขับขี่นั้นสิ่งที่พิสูจน์ ได้อย่างชัดเจนเลยก็คือเรื่องของเครื่องยนต์นั่นเอง เครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นเครื่องยนต์ Blue core พิกัด 125 ซีซี 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ เครื่องยนต์บล็อกนี้เขาจะมีคำที่พ่วงท้ายมาก็คือ คำว่า hybrid ซึ่งทางยามาฮ่าใช้ smart motor generator เข้ามาช่วยดันในรอบต้น
ชหรือช่วงออกตัวนั่นเอง เรื่องของการบิดคันเร่ง เพื่อที่จะเร่งแซงต่างๆเนี่ยถึงแม้ว่ารถจะเป็น 125 ซีซี 2 วาล์ว ก็ตามแต่ว่า กำลังที่เขามีมาให้ก็ใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาเลย เรื่องอัตตราทดที่ทางโรงานได้ออกแบบมาให้ ก็ไม่ได้มีอาการดึงรอบนานเกินไป หมอบหลบลมซักนิดนึงก็เร่งแซงได้เลย และจากการทดสอบนั้นความเร็วท็อบสปีดที่ทำได้นั้นสามารถทำได้ถึง 103 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตามคนที่มองรถคลาส 125 ซีซี ว่าทำใมวิ่งแค่ 100 ต้นๆ ผู้เขียนต้องบอกเลยว่า ถ้าคุณเป็นสายซิ่งสูตรการโมดิฟายรถแบบนี้ ไปสำนักใหนก็มีครับ แต่ผู้เขียนอยากจะเตือนไว้ว่าการโมดิฟายกับเครื่องยนต์ออโตเมติกเนี่ย คุณได้อย่างก็ต้องเสียอย่างนะอันนี้ต้องแลกกัน
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ทางผู้ทดสอบได้ตรวจจับอัตตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาให้ด้วย มีตัวเลขอยู่ที่ 55.28 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าน่าพอใจมากๆกับเครื่อง 125 ซีซี ขับขี่เที่ยวออกทริปถือว่าสบายมากๆกับเจ้า fazzio hybrid connected คันนี้ ผู้เขียนคิดว่าอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรถคันนี้ทำได้ดีและน่าพอใจอย่างมาก ยิ่งสภาวะที่น้ำมันแพงอย่างนี้
การควบคุมที่สะดวกสบาย
จากการทดสอบขับขี่ fazzio hybrid connected นั้นผู้เข้าทดสอบใช้เส้นทางหลักที่ไม่ได้มีการเข้าตรอกซอกซอยใดๆเป็นการขับระยะยาว ดังนั้นสิ่งแรกที่จะพบเจอแน่นอนก็คือ ด้วยความที่เป้นรถแฟชั่น การออกแบบของเขาไม่ว่าจะรูปทรงแคบซูลต่างๆ มีความสวยงามแต่เวลาที่เราขี่เดินทางต้องยอมรับว่ามันมีการต้านลมเป็นปกติของสไตล์รถแบบนี้ ลมแรงๆก็อาจจะมีเซบ้างอันนี้ต้องบอกว่าปกตินะ
เพราะด้วยน้ำหนักของรถที่เพียง 95 กิโลกรัมเท่านั้นแต่ส่วนที่ผู้เขียนชอบเลยก็คือ ตัวเบาะนั่งนั่นเอง นอกจากจะกว้าง และเป็นเบาะทูโทน มีความยืดหยุ่นนุ่มกำลังดี ขี่ทางไกล 100 กว่ากิโลรวดเดียวก็ไม่รู้สึกว่าปวดก้น อันนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดีเลย มาถึงการคอนโทรล ด้วยช่วงแฮนด์ที่สั้น การมุดไปในช่องระหว่างรถใหญ่ ทำได้อย่างง่ายดายและมีความคล่องตัว
และตำแหน่วการวางเท้าที่มี พื้นที่ให้เราเลื่อนเท้า ตำแหน่งท่านั่งมันทำให้รู้สึกสบายตลอดทาง ถึงแม้จะโดนลมปะทะอยู่ ก็ถือว่าเป็นปกติของรถสไตล์นี้นั่นเอง
เรื่องของช่วงล่าง
โช๊คหน้าของเจ้า fazzio hybrid connected เขาจะเป็น เทเลสโคปิคแบบธรรมดา โช๊คหลังก็เป็นโช๊คเดี่ยว unit swing อยู่ที่ฝั่งซ้าย ช่วงล่างชุดนี้ขี่ทางไกลเจอหลุมแรงๆเนี่ยจากการทดสอบพบว่าเอาอยู่ ด้วยความเร็วที่ไม่สูงอยู่แล้ว แล้วมาเจอหลุมต่างๆบอกเลยว่าเอาตัวรอดได้ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือย่าง Dunlop scootsmart ที่ให้มาทั้งหน้าหลังเนี่ย
มันมีความนุ่มของเนื้อยางค่อนข้างโอเค แต่ตรงนี้ผู้เขียนมีข้อสังเกตเล็กน้อย คือยางคู่นี้มันออกแบบมาค่อนข้างกลมไปซักหน่อย ก็เพื่อความคล่องตัวสูงเวลาขับเคลื่อนแต่มันจะเร็วไปซักหน่อย เวลาเข้าวงเลี้ยวคนที่ชอบขี่เร็วๆก็ต้องไปหายางที่แก้มกว้างๆมาใส่ ก็จะสามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้
และถ้าหากใครสนใจอยากได้มาเป็นเจ้าของสำหรับ fazzio hybrid connected รุ่น Smart key เปิดอยู่ที่ 56,600 บาท
รุ่น Standard 54,900 บาท ถือว่าจับต้องได้แน่นอน เละเช่นเคยหากอยากอ่านรีวิวมอเตอร์ไซค์เพิ่มเติมสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มได้ที่เว็บไซต์ songlorclub คลิกเลย
- Harley-Davidson Nightster 440 ราคาแสนต้นๆ ครุยเซอร์เล็ก ลูกครึ่งอินเดีย - September 10, 2024
- รีวิว สกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่จากฝั่งจีน Lingchen Kloninga 500 - September 20, 2023
- มาเเล้ว! กับบิ๊กสกู๊ตเตอร์ GT ตัวแรง Honda Forza 750 เวอร์ชั่น 2024 - September 13, 2023