รีวิวมอเตอร์ไซค์สาย เดินทาง Kawasaki KLR650

รีวิวมอเตอร์ไซค์สาย เดินทาง Kawasaki KLR650
หัวข้อน่าสนใจ

ค่ายยักใหญ่ของจักรยานยนต์ชื่อดังอย่าง Kawasaki ได้ทำการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์สายทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์อย่าง KLR650 มาให้ไบค์เกอร์ชาวไทยได้ยลโฉมกันแล้ว สำหรับรุ่นนี้ก็ได้รับการการันตีจากคุณ SHAI DON KING ชาวไทยบุคคลแรกที่ที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์รอบโลก จักว่าเป็นรถที่สามารถออกไปผจญภัยได้แทบทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะ ออนโรด หรือ ออฟโรด บอกเลยว่าคันนี้เอาอยู่

กับบทความของสองล้อคลับก็เช่นเคยทางผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียดต่างๆนำมารีวิวให้กับผู้อ่านทุกท่านแล้ว มาดูกันว่าประเด็นของการออกแบบดีไซน์รวมไปถึงพละกำลังเครื่องยนต์และการใช้งานจะเป็นอย่างไรตอบโจทย์หรือไม่มาติดตามไปพร้อมกันเลยกับรีวิว Kawasaki KLR650 มอเตอร์ไซค์สายลุยตัวจริง

การออกแบบดีไซน์ของเจ้า Kawasaki KLR650

Kawasaki KLR650 ออกแบบมาเพื่อผจญภัยอย่างแท้จริง
Kawasaki KLR650 ออกแบบมาเพื่อผจญภัยอย่างแท้จริง

มาเริ่มต้นกำที่การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกกันก่อน สังเกตเห็นได้ว่าเจ้า Kawasaki KLR650 ได้มีการอัพเกรดชิ้นส่วนในหลายจุดให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีกลิ่นไอแบบดั้งเดิมอยู่ ด้วย ไฟหน้าของตัวรถที่พัฒนาใหม่เป็นไฟหน้าแบบ LED เต็มรูปแบบ ในส่วนของไฟท้ายและไฟเลี้ยวนั้นทางแบรนด์เลือกใช้เป็น ฮาโลเจน เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษา มาพร้อมกับชิวบังลมขนาดใหญ่ช่วยป้องกันการปะทะของแรงลมกับตัวผู้ขับขี่ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว

ทางด้านของออพชั่นต้องบอกเลยว่าทาง Kawasaki เขาจัดให้มาแบบเต็มๆ ด้วยแครชบาร์รอบคัน ติดตั้งมาพร้อมกับไฟ Foglamp Lobo ตั้งแต่โรงงานโดยที่เจ้าของไม่ต้องไปหาใส่เอง ใต้เครื่องยนต์ก็มีการติดการ์ดกันแคร้งค์ ด้านหลังมีชุดกล่องเก็บของSide Box จุดสำคัญคือช่องจ่ายไฟ 12V และพอร์ท USB ติดตั้งไว้ด้านหน้าซ้ายและขวาของเรือนไมล์มองเห็นได้อย่างชัดเจน KLR650 คันนี้มีบังโคลนหน้าที่ดีไซน์ในสไตล์ยกสูงสไตล์เช่นเดียวกับจักรยานยนต์วิบาก เพื่อให้ตัวรถสามารถพร้อมลุยได้ทุกเส้นทางแม้กระทั่งทางโคลน หมดห่วงเรื่องโคลนอัดติดในบังโคลนได้เลย

มาดูต่อในส่วนของช่วงล่างจะเห็นได้ว่า โช๊คอัพเป็นแบบเทเลสโกปิค ขนาดแกน 41 มม. ระยะยุบโช๊คที่ 200 มม. มาพร้อมกับยางหุ้มแกนโช๊ค เหมาะสมสำหรับการผจญภัยแบบออฟโรดอย่างยิ่ง ทางด้านของ ระบบเบรกทาง Kawasaki เขาเลือกใช้ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 300 มม. มาพร้อมกับระบบ ABS ช่วยป้องกันอาการล้อล็อก มีปั้มเบรก 2 พอต ส่วนล้อใช้เป็นล้อซี่ลวดแบบมียางในขนาด 21 นิ้วสไตล์รถสายลุย รัดยางขนาด 90/90-21 เบรกด้านหลังนั้นใช้ดิสก์เบรกเดี่ยวขนาด 240 มม. พร้อมปั้มเบรก 2 พอต และล้อหลังเป็นล้อซี่ลวดแบบมียางใน รัดยางขนาด 130/80-17

สำหรับท่านใดที่ชอบขับขี่ท่องเที่ยวในระยะทางไกลก็สบายใจได้เลย Kawasaki KLR650 ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อลุยป่าเขาเพียงอย่างเดียว รถคันนี้มีแฮนด์ของที่ค่อนข้างกว้าง เหมาะกับการขี่ในระยะเวลาที่นานเส้นทางที่ค่อนข้างไกลมาพร้อมกับการ์ดแฮนด์จากโรงงาน และยังมีในส่วนถังน้ำมันขนาดใหญ่ ขนาดความจุสูงถึง 23 ลิตร ขึ้นเหนืองล่องใต้อุ่นใจได้อีก

จุดเด่นอยู่ที่ เฟรมเปลคู่ และ เครื่องยนต์ สุดแกร่ง

เฟรมเปลคู่ และ เครื่องยนต์ สุดแกร่งของ Kawasaki KLR650
เฟรมเปลคู่ และ เครื่องยนต์ สุดแกร่งของ Kawasaki KLR650

หากคุณมีประสบการณ์คลุกคลีอยู่ในวงการมอเตอร์ไซค์มาซักระยะหนึ่งคงจะรู้กันดีว่า ทาง Kawasaki นั้นขึ้นชื่อเรื่องของความทนทานของเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก ได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้ใช้งานจำนวนมาก อย่าง KLR650 คันนี้ทำงานด้วยเครื่องแบบ สูบเดี่ยวขนาด 652 ลบ.ซม. 4 จังหวะ 4 วาล์ว ให้พละกำลังที่ต่อเนื่องบิดติดมือ ช่วยให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ผ่านอุปสรรคต่างๆเมื่อต้องออกไปผจญภัยบนพื้นที่ธรรมชาติหรือต้องรับมือกับเส้นทางสุดหฤโหดบนได้อย่างสบายๆ

Kawasaki KLR650 มีการดีไซน์ เฟรม มาในแบบ เปลคู่ หรือ semi-double cradle วัสดุผลิตจากเหล็กกล้ามีความทนทาน แรงดึงสูง จัดเป็นเป็นองค์ประกอบที่ถ่ายทอดมาจากโมเดลก่อนหน้านี้ และยังมีการปรับปรุงในหลายส่วนเพื่อเพิ่มคาแรคเตอร์ด้านการควบคุมให้สามารถขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

มุมมองด้าน การใช้งาน

รูปลักษณ์ของเจ้า Kawasaki KLR650
รูปลักษณ์ของเจ้า Kawasaki KLR650

Kawasaki KLR650 มีระยะห่างจากพื้นถึงตัวรถ 210 ม.ม.ความสูงเบาะ 871 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 223 กิโลกรัม ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ขับขี่รถในสไตล์นี้จะต้องมีทักษะการใช้งานจักยานยนต์มาพอสมควรแล้ว เพราะฉนั้นถือว่าไม่มีปัญหาเรื่องความสูงของตัวรถซักเท่าไหร่เพราะเหล่าไบค์เกอร์ต้องเข้าใจว่ารถแนวนี้จำเป็นต้องออกแบบมาเช่นนี้จริงๆ

ด้วย KLR650ถูกออกแบบมาให้นั่งหลังตรงรองรับกับท่านั่งที่ให้ความสบายสไตล์รถทัวร์ริ่ง และยังขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่งเรื่องความอึดถึกทน ผู้ใช้งานสามารถ ดูแลรักษาได้ง่าย และไม่ค่อยมีปัญหาจุกจิก โดดเด่นด้วยลักษณะตัวรถที่สูงโปร่งตามสไตล์รถทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์หากท่านใดที่สนใจราคาขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 261,500 บาท สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ Kawasaki ทั่วประเทศ

ติดตามการรีวิวรถเเละบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม คลิก! songlorclub